สิว ต้นเหตุที่ทำให้หลายคนรู้สึกเสียความมั่นใจ เพราะคนส่วนใหญ่ยังเชื่อว่าคนเป็นสิว ไม่ว่าที่ลำตัว หรือหน้า เกิดจากการไม่รักษาความสะอาด แต่ที่จริงแล้วความสกปรกไม่ใช่สาเหตุส่วนใหญ่ของปัญหา แต่สามารถเกิดขึ้นได้แม้จะรักษาความสะอาดดีแล้วก็ตาม ในบทความนี้จะพาไปรู้จักว่าสิวคืออะไร สาเหตุของการเกิดสิว ประเภทและบริเวณที่มักเกิดสิว
สิวคืออะไร
สิว (Acne หรือ Acne Vulgaris) เป็นภาวะการเกิดความผิดปกติบริเวณรูขุมขนและต่อมไขมันในรูขุมขน (Pilosebaceous unit) เมื่อเกิดความผิดปกติจากสาเหตุต่างๆ จะทำให้รูขุมขนอุดตันจนเกิดเป็นสิว บางครั้งการอุดตันอาจจะทำให้เนื้อเยื่อในบริเวณนั้นติดเชื้อและเกิดการอักเสบจากการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้อักเสบได้
อาการของสิวจะแตกต่างกันไปตามชนิดและระยะของโรค ส่วนใหญ่จะเห็นเป็นตุ่มนูนขึ้นมาจากผิวหนัง จากการอุดตันของปากรูขุมขน (Comedone) เมื่อมีการอุดตันมากขึ้น รูขุมขนจะถูกขยายออก หรือเกิดเป็นถุง ก่อตัวขึ้นในรูขุมขน หากการอุดตันมีมากขึ้นเรื่อยๆ หรือถูกรบกวนจนผนังรูขุมขนเสียหาย สิ่งที่อยู่ภายในถุงนั้นจะปริเข้าสู่ชั้นลึกของผิวหนังและกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ภายนอกก็จะเห็นเป็นรอยแดง บางครั้งอาจมีหนองด้วย และหากติดเชื้อในผิวหนังชั้นที่ลึกร่วมด้วยก็จะกลายเป็นก้อนที่เป็นไตแข็งอักเสบอยู่ใต้ผิวหนังซึ่งรักษาได้ยากขึ้น
สิวเป็นโรคผิวหนังที่พบได้บ่อยมาก ทั้งที่หน้าอก หลัง และใบหน้า หน้าเป็นสิวจึงเป็นเรื่องปกติที่พบได้ทั่วไปสามารถพบได้มากถึง 85% ของประชากรที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ ช่วงอายุ 12 – 25 ปี ส่วนในช่วงอายุอื่นๆ แม้กระทั่งทารกแรกเกิดก็สามารถพบสิวได้ และมักจะพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง
สาเหตุการเกิดสิว
สาเหตุการเกิดสิวจึงมีหลายปัจจัยประกอบกัน อาจเกิดขึ้นเพียงแค่อย่างเดียวหรือเกิดจากหลายๆ อย่างร่วมกันก็ได้ โดยสิวนั้นเกิดจาก4 ปัจจัย ดังนี้
1. การเกิดสิวมักเกิดจากการอุดตันขนาดเล็กใต้ผิวหนัง
สิวอุดตัน (Comedone) คือสภาวะที่รูขุมขนเกิดการอุดตัน โดยไมโครโคมีโดน (Micro-comedone) คือชื่อเรียกของสิวอุดตันที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ซึ่งเกิดจากการสร้างชั้นเคราตินของเซลล์ผิวหนังปกติแล้วไมโครโคมีโดนจะสลายไปเองตามธรรมชาติ แต่ในกรณีของผิวเป็นสิว ในขณะที่ไมโครโคมีโดนสลายตัว จะเกิดการอักเสบใต้ชั้นผิวร่วมด้วย ซึ่งในทางการแพทย์เรียกการอักเสบนี้ว่า การอักเสบชนิดไม่รุนแรง (micro-inflammations)
เกิดจากการอักเสบชนิดไม่รุนแรงจากการสลายไมโครโคมีโดนภายในผิว สาเหตุหลักของวงจรสิวเพราะเป็นโรคที่มีพื้นฐานมาจากการอักเสบของผิวหนัง ผลการวิจัยพบว่าการอักเสบชนิดไม่รุนแรง เป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิว ซึ่งแท้จริงแล้วการอักเสบชนิดไม่รุนแรงนี้จะเกิดขึ้นเป็นประจำอยู่แล้ว จากการที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายตอบสนองต่อแบคทีเรีย, ลิพิด (lipids) หรือฮอร์โมนแอนโดรเจน (ฮอร์โมนเพศชาย)
“การค้นพบล่าสุดพบว่า การอักเสบนั้นเกิดขึ้นในทุกขั้นตอนของการเกิดสิว ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในขั้นที่ปรากฏอยู่บนผิวหนังแล้ว” Dr.med. Markus Reinholz แพทย์ผิวหนังกล่าว
2. ภาวะการผลิตน้ำมันในผิวมากเกินไป (Seborrhea) และชั้นผิวก่อตัวหนาผิดปกติ (Hyperkeratosis)
ปัจจัยภายใน เช่น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน (ในช่วงเจริญวัยและช่วงมีรอบเดือน) รวมถึงการใช้ยาบางประเภท และปัจจัยภายนอก เช่น ผลกระทบจากมลภาวะ มีผลให้การผลิตน้ำมันในผิวเพิ่มขึ้นและชั้นผิวก่อตัวหนาขึ้น ซึ่งส่งผลให้เกิดสิวประเภทต่างๆ ทั้งหัวดำ หัวขาว โดยทั้ง 2 ปัจจัยนี้ ยังเป็นสาเหตุหลักของการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ทำให้เกิดการติดเชื้อ และท้ายที่สุดจะก่อให้เกิดชนิดตุ่มนูนแดง (Papule) และหัวหนอง (Pustule)
2.1 ภาวะผิวหนังผลิตไขมันมากผิดปกติ
โดยปกติต่อมไขมันจะหลั่งน้ำมัน เพื่อกักเก็บความชุ่มชิ้นใต้ผิว ซึ่งโดยคนที่เป็นสิวง่ายมีแนวโน้มจะมีฮอร์โมนแอนโดรเจนในเลือดสูง ซึ่งฮอร์โมนชนิดนี้จะกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมาในปริมาณมากกว่าปกติ ก่อให้เกิดการสะสมน้ำมันบนผิวหนัง และทำให้ต่อมไขมันอุดตัน
2.2 ภาวะชั้นผิวก่อตัวหนาขึ้นผิดปกติ (Hyperkeratosis)
เกิดจากการก่อตัวหนาขึ้นผิดปกติของผิวชั้นนอก ซึ่งเป็นผลมาจากการผลิตเซลล์ผิวในต่อมไขมันมากกว่าปกติ ทำให้การหลุดออกของเซลล์ผิวไม่เป็นไปตามธรรมชาติอีกทั้งยังมีไขมันส่วนเกินดักจับเซลล์ที่ตายแล้วเหล่านี้ไว้บนผิวหนังจนทำให้เกิดการอุดตัน อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ชั้นผิวก่อตัวหนาขึ้นนั่นคือ แบคทีเรีย Propionibacterium acnes (หรือ P.acnes) โดยแบคทีเรีย P.acnes จะสร้างแผ่นฟิล์มบางๆ บนผิวหนังซึ่งจะขัดขวางกระบวนการหลุดลอกของชั้นผิวหนังตามปกติและก่อให้เกิดการอุดตัน
3. การเกิด สิวหัวดำ และสิวหัวขาว
- สิวหัวดำ คือ สิวที่มีจุดดำเล็กๆ ปรากฏบนผิวหนัง ซึ่งสาเหตุที่ที่เปลี่ยนเป็นสีดำเกิดจากการทำปฏิกิริยาของน้ำมันกับออกซิเจน ไม่ได้เกี่ยวกับการสัมผัสกับฝุ่น หรือสิ่งสกปรกแต่อย่างใด
- สิวหัวขาว คือ สิวที่มีไขมันอยู่ภายใต้ผิว มีลักษณะเป็นรอยกลมนูนที่มีสีขาวขุ่นปิดอยู่ส่วนบน
เมื่อน้ำมันที่สะสมในต่อมไขมันเกิดอุดตันในรูขุมขน ทำให้จะกลายเป็นสาเหตุของสิวอุดตันและสิวต่างๆ
ประเภทของสิว
ประเภทของสิวสามารถแบ่งได้ 2 แบบ คือแบ่งตามความรุนแรงและแบ่งตามลักษณะ หากแบ่งตามความรุนแรงจะสามารถแบ่งได้เป็น 3 ระดับ ได้แก่
- สิวเล็กน้อย หรือไม่รุนแรง (mild acne) คือเป็นสิวอุดตันที่ไม่มีอาการอักเสบ ได้แก่ สิวอุดตันหัวเปิด และอุดตันนหัวปิด หรืออักเสบในผิวหนังชั้นตื้นๆ อย่างสิวตุ่มแดง (Papule) และหัวหนอง (Pustule) จำนวนเล็กน้อย
- สิวปานกลาง (moderate acne) คือเป็นสิวตุ่มแดง (Papule) และหัวหนอง (Pustule) จำนวนปานกลาง หรืออักเสบลึกอย่าง nodular acne จำนวนเล็กน้อย
- สิวรุนแรง (severe acne) คือเป็นสิวตุ่มแดง (Papule) และหัวหนอง (Pustule) จำนวนมาก เป็นแบบ nodular acne จำนวนมาก เป็นเรื้อรัง หรืออักเสบขั้นรุนแรง severe nodular acne อย่าง acne conglobata หรือ acne fulminans
หากแบ่งตามลักษณะจะสามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบใหญ่ๆ ได้แก่ สิวไม่อักเสบ และสิวอักเสบ
บริเวณที่มักเกิดสิว
เกิดขึ้นได้มากที่สุดบริเวณใบหน้า และสามารถเกิดได้ในบริเวณลำตัวช่วงบนด้วย อย่างบริเวณอกและหลัง โดยเฉพาะบริเวณเส้นกึ่งกลางลำตัว อย่างหน้าผาก จมูก และคาง ซึ่งสิวแต่ละที่ก็มีสาเหตุการเกิดส่วนใหญ่ที่แตกต่างกันไป ดังนี้
- สิวที่คาง
มักจะเกิดมากกว่าที่อื่นๆ เนื่องจากเป็นบริเวณที่อยู่ในเส้นกึ่งกลาง และเป็นบริเวณบนใบหน้าที่จะผลิตน้ำมันออกมามากกว่าปกติในผู้ที่มีผิวผสม ทำให้เมื่อต่อมไขมันทำงานมากกว่าปกติ จึงมักจะเกิดขึ้นที่คางก่อน สิวรอบปากรอบคาง มักสัมพันธ์กับฮอร์โมน และการรับประทานอาหารที่มีนม หรือผลิตภัณฑ์จากนม นอกจากนี้สิวที่คางยังเกิดจากสิ่งสกปรกได้มากเนื่องจากคางเป็นตำแหน่งบนใบหน้าที่คนเรามักจับเล่นโดยไม่รู้ตัวเช่นเวลาเท้าคาง อีกทั้งคางยังเป็นตำแหน่งที่สัมผัสกับหน้ากากอนามัยโดยตรง เมื่อจำเป็นต้องใส่หน้ากากบ่อยๆ จะทำให้ มีการเสียดสี สิ่งสกปรกสะสมจนรูขุมขนอุดตัน หรือติดเชื้อแบคทีเรียได้ง่าย ทำให้เป็นสิวในที่สุด
- สิวที่หน้าผาก
เป็นบริเวณที่มักเกิดสิวก่อนส่วนอื่นๆ เช่นเดียวกับคาง เพราะอยู่ในบริเวณเส้นกึ่งกลางใบหน้าและผลิตน้ำมันออกมามากกว่าผิวส่วนอื่นๆ นอกจากเรื่องความมันแล้วหน้าผากก็เป็นบริเวณที่สัมผัสกับสิ่งสกปรกมาก เนื่องจากเป็นจุดที่มีเหงื่อเยอะ สิวที่หน้าผากมักสัมพันธ์กับความเครียด การอดนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ อีกทั้งยังเป็นจุดที่ถ้าไว้ผมหน้าม้า ใส่หมวก หรือใส่ผ้าคาดศีรษะ ก็จะทำให้สิ่งสกปรก อย่างเหงื่อไคลและมลภาวะสะสมอยู่ที่หน้าผากมากขึ้น ทำให้เกิดสิวได้ง่ายกว่าบริเวณอื่นๆ
- สิวที่จมูก
จมูกก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่อยู่เส้นกึ่งกลาง ทำให้สิวที่จมูกสามารถเกิดขึ้นได้มากกว่าส่วนอื่นๆ และเกิดความมันได้เหมือนกับที่คางและที่หน้าผาก สิวที่จมูกส่วนใหญ่จะอุดตันชนิดหัวเปิด และสิวเสี้ยน (Trichostasis Spinulosa) เป็นขนและรากขน ที่ในรูขุมขนนั้นมีขนขึ้นหลายเส้น และจับตัวกับ sebum รวมถึงสิ่งสกปรกและเซลล์ที่ตายแล้ว จนเกิดเป็นก้อนคล้ายสิวอยู่รอบๆ เส้นขนเหล่านั้นอีกทีหนึ่ง
- สิวที่แก้ม
มักจะเกิดจาก การล้างหน้าไม่สะอาด และสิ่งสกปรกเป็นหลัก เนื่องจากแก้มเป็นบริเวณที่ต้องสัมผัสกับหลายสิ่ง ทั้งสัมผัสกับหมอนเวลานอน สัมผัสกับเส้นผม กรอบแว่น หรือสัมผัสกับโทรศัพท์ที่เป็นแหล่งรวมสิ่งสกปรกและเชื้อโรคต่างๆด้วย สามารถเกิดจากความน้ำมัน หรือการผลัดเซลล์ผิวที่ผิดปกติได้เช่นกัน
- สิวที่ปาก
มักจะอยู่บริเวณรอบๆริมฝีปาก เกิดจากสิ่งสกปรกได้มากเหมือนกันกับสิวที่แก้ม เพราะปากเป็นบริเวณที่เราใช้ทานข้าว เมื่ออาหารสัมผัสรอบๆ ปาก ก็อาจทำให้เกิดสิวได้หากรักษาความสะอาดได้ไม่ดีพอ นอกจากนี้ยังสามารถเกิดจากการแพ้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้ด้วย ทั้งยาสีฟัน ลิปสติก หรือน้ำยาบ้วนปาก บางครั้งก็อาจเกิดจากการใส่หน้ากากอนามัยเป็นเวลานานได้เช่นกัน
- สิวที่คอ
เป็นปัญหาที่มักเกิดจากเส้นผมเป็นส่วนใหญ่ เพราะเป็นบริเวณที่สิ่งสกปรกจากเส้นผมและหนังศีรษะไหลมาสะสมอยู่ หากไว้ผมยาว ชอบปล่อยผม เส้นผมจะทำให้ผิวหนังอับ จนเหงื่อไคลสะสมและเกิดเป็นสิวขึ้นมา นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากการแพ้ยาสระผม หรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับเส้นผมและหนังศีรษะอื่นๆ ด้วย
- สิวที่หลัง
สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ บริเวณหลังก็เป็นอีกบริเวณหนึ่งที่อยู่ในแนวเส้นกึ่งกลาง สามารถเกิดสิวได้มากจากหลายสาเหตุ ทั้งความมัน การผลัดเซลล์ผิวที่ผิดปกติ เชื้อแบคทีเรีย และการอักเสบของผิวหนัง สิวที่หลังเกิดจากเชื้อยีสต์หรือเชื้อราตัวเล็กๆได้มาก เนื่องจากเป็นที่ที่อยู่ในร่มผ้าตลอดเวลา บางครั้งเหงื่อไคล รวมถึงสิ่งสกปรก น้ำมันบนผิวหนัง ส่งเสริมให้สภาพแวดล้อมของผิวเหมาะกับการอยู่อาศัยของยีสต์เหล่านี้มากขึ้น ยิ่งคนที่อยู่ในที่ร้อน หรือสะพายเป้ติดหลังอยู่ตลอดเวลา จะยิ่งเกิดสิวที่หลังได้ง่ายมาก
นอกเหนือจากเหตุผลเหล่านี้ ตำแหน่งการเกิดสิวในที่ต่างๆ สามารถเกิดจากกรรมพันธุ์ได้เช่นกัน เนื่องจากบริเวณที่ต่อมไขมันสร้างน้ำมันมาก การตอบสนองต่อฮอร์โมน ลักษณะการผลัดเซลล์ผิวในแต่ละบริเวณ สามารถกำหนดได้โดยลักษณะทางกรรมพันธุ์ทั้งหมด
จุดสิวบนใบหน้าบอกโรคอะไร
- จุดที่ 1 หน้าผากส่วนบน – ลำไส้ทำงานผิดปกติ ควรรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่อุดมไปด้วยส่วนประกอบของสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น คะน้า บร็อคโคลี ผักโขม น้ำส้ม น้ำแครนเบอร์รี่ ไวน์แดง ฯลฯ
- จุดที่ 2 หน้าผากส่วนล่าง – กำลังมีความเครียด นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอและทำใจให้สบาย รู้จักปล่อยวาง รวมทั้งค่อยๆ แก้ปัญหาด้วยสติ
- จุดที่ 3 หน้าผากด้านซ้าย – มีปัญหากระเพาะปัสสาวะและต่อมหมวกไต ทำใจให้สบายและผ่อนคลายความเครียด
- จุดที่ 4 หน้าผากด้านขวา – มีปัญหาการย่อยอาหารและกระเพาะปัสสาวะ ลดความเครียดและหากิจกรรมที่สร้างความผ่อนคลายทำ เช่น ออกกำลังกาย ดูหนัง ฟังเพลง
- จุดที่ 5 ระหว่างคิ้ว – ตับผิดปกติ ลดอาหารรสจัดและไม่นอนดึกดื่นหลังเที่ยงคืน
- จุดที่ 6 รอบดวงตาทั้งสองข้าง – ปัญหาภูมิแพ้ พักผ่อนให้มาก รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และหาโอกาสล้างพิษให้ร่างกายได้นำสารพิษตกค้างออกจากร่างกาย
- จุดที่ 7 ใบหูทั้งสองข้าง – ไตทำงานหนัก ดื่มน้ำเปล่าให้มากขึ้นและงดรับประทานอาหารรสเค็ม รวมทั้งคาเฟอีน
- จุดที่ 8 รอบคิ้ว – ตับทำงานหนัก หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และอาหารที่มีไขมันสูง อาทิ ข้าวขาหมู ข้าวมันไก่ ผัดไทยกุ้งสด ข้าวผัดอเมริกัน ฯลฯ
- จุดที่ 9 แก้มบนทั้งสองข้าง – ปอดถูกทำร้ายจากมลพิษ สิ่งแวดล้อม ควันบุรี่ และสารก่อภูมิแพ้ ระมัดระวังไม่สัมผัสกับมลพิษโดยตรง และหาโอกาสสูดอากาศบริสุทธิ์หรืออยู่ในสถานที่ที่มีต้นไม้เยอะๆ เช่น สวนสาธารณะ
- จุดที่ 10 แก้มล่างทั้งสองข้าง – ฟันผุหรือปัญหาเหงือก หมั่นดูแลสุขภาพช่องปาก หากเกิดอาการผิดปกติควรไปพบทัตแพทย์เพื่อหาทางรักษาให้หายเป็นปกติ
- จุดที่ 11 จมูก – หัวใจไม่ค่อยสูบฉีดเลือด หาเวลาออกกำลังกายบ้าง เพื่อกระตุ้นระบบหัวใจให้สูบฉีดเลือดอย่างเต็มประสิทธิภาพ เพราะหากร่างกายสูบฉีดเลือดต่ำเป็นระยะเวลานานจะนำไปสู่โรคร้ายแรงอื่นๆ ตามมา
- จุดที่ 12 มุมข้างปาก – ระดับฮอร์โมนไม่สมดุล ทำตัวสบายๆ และผ่อนคลาย ไม่หมกมุ่นจดจ่ออยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งเกินไปจนเกิดความเครียด
- จุดที่ 13 ริมฝีปากด้านซ้ายและขวา – ปัญหารังไข่ อาจเกิดสิวบริเวณนี้ช่วงที่มีประจำเดือน ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และหมั่นออกกำลังกาย
- จุดที่ 14 คาง – กระเพาะอาหารและลำไส้เล็กงานผิดปกติ งดอาหารขยะ รับประทานผักผลไม้และอาหารที่มีไฟเบอร์สูงจะช่วยให้ระบบย่อยทำงานได้ดีขึ้น
- จุดที่ 15 ลำคอและหน้าอก – สมองและจิตใจเหนื่อยล้า หาโอกาสพักผ่อนและท่องเที่ยวบ้าง เพื่อจะได้พบเจอสิ่งใหม่ๆ
บทสรุป
การป้องกันสิวที่ดีคือล้างหน้าตามแนวรูขุมขน ให้สะอาดวันละ 2 ครั้ง ไม่มากไม่น้อยเกินไป ทานอาหารที่มีประโยชน์ครบห้าหมู่ ผ่อนคลายความเครียด ปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนเริ่มใช้ยาใดก็ตาม และเมื่อเริ่มเป็นควรปรึกษาแพทย์เพื่อป้องกันการอักเสบรุนแรงที่อาจนำไปสู่แผลเป็น หากเกิดสิวบนใบหน้า หรือเป็นสิวในจุดเดิมตำแหน่งเดิมซ้ำๆ กัน อย่าชะล่าใจ ต้องหมั่นตรวจเช็คสุขภาพและดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงและใบหน้าใสไร้รอยสิว
เรื่องเกี่ยวกับสุขภาพอื่นๆ ที่น่าสนใจ
- ปากเบี้ยว มีสาเหตุมาจากอะไร และมีการรักษาอย่างไร
- หูอื้อ มีสาเหตุมาจากอะไร สามารถรักษาและป้องกันได้อย่างไร
- เล็บ สามารถบอกโรคหรือปัญหาสุขภาพอะไรได้บ้าง
- หลังค่อม มีสาเหตุมาจากอะไร และสามารถรักษาหายหรือไม่
- โรคงูสวัด มีสาเหตุ อาการ และการรักษาอย่างไร
- คีโม สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
- การฉายแสง ต้องเตรียมตัวก่อนและหลังการรักษาอย่างไรบ้าง
ที่มาของบทความ
ติดตามเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพได้ที่ wongjason.com
สนับสนุนโดย ufabet369